เหตุเจอพิษโควิด มะม่วงล้นตลาด ไม่มีผู้รับซื้อ ชาวสวนระทม! มะม่วงราคาตกในรอบ 10 ปี เหลือกิโลละบาท สุดท้ายต้องเททิ้ง 100 ตัน
แปรรูปดีกว่า เพิ่มมูลค่า+ไม่ต้องทิ้ง

ต.วังทับไทร อ.สากเหล็ก จ.พิจิตร มีพื้นที่ปลูกมะม่วงมากกว่า 22,000 ไร่ เป็นลำดับต้นๆของประเทศ หรือเป็นอันดับ 1 ของภาคเหนือ ผลผลิตแต่ละปีมีมากกว่า 2 แสนตัน ที่ผ่านมาเกษตรกรมีรายได้จากการจำหน่ายมะม่วง มีเม็ดเงินหมุนเวียนกว่า 2 พันล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เกษตรกรต.วังทับไทร จะปลูกมะม่วงเพื่อการส่งออก และการบริโภคภายในประเทศ มีทั้งมะม่วงกินดิบและกินสุก

โดยเฉพาะมะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง เป็นมะม่วงส่งออกที่มีชื่อเสียงของจ.พิจิตร รวมทั้งมะม่วงกินดิบ เช่น เพชรบ้านลาด ฟ้าลั่น และเขียวเสวย ในปีนี้สภาพอากาศและปริมาณน้ำฝนเหมาะสม ส่งผลให้มะม่วงมีผลผลิตออกมาค่อนข้างมาก ซึ่งสวนทางกันในด้านการส่งออกประสบปัญหาเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้การส่งออกไปต่างประเทศไม่ได้มากนัก

โดยส่วนใหญ่แล้วมะม่วงวังทับไทร จะส่งออกไปจำหน่ายในประเทศแถบเอเชีย และประเทศเพื่อนบ้าน เช่น จีน มาเลเซีย ไต้หวัน ฮ่องกง เวียดนาม สิงค์โปร์ ฟิลิปปินส์ ฯลฯ แต่ด้วยปัจจัยต่างๆในปีนี้ รวมถึงสภาพเศรษฐกิจกำลังซื้อไปบริโภคลดลง ส่งผลให้มะม่วงชนิดต่างๆมีราคาตกต่ำเป็นอย่างมาก เช่น มะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง เกรดส่งออกเหลือเพียง 20-30 บาทต่อกิโลกรัม จากปีที่ผ่านมา กิโลกรัมละ 60-70 บาท
ส่วนมะม่วงเกรดบริโภคภายในประเทศเหลือเพียงกิโลกรัมละ 10-15 บาท ส่วนที่ราคาตกต่ำสุดๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อนคือมะม่วงกินดิบเกรดส่งออก เช่น ฟ้าลั่น เขียวเสวย เหลือกิโลกรัมละ 3-4 บาท ไซส์กลางเหลือเพียง กิโลกรัมละ 1-2 บาท ทำให้มะม่วงวังทับไทรล้นตลาดก็ว่าได้ ทำให้พ่อค้าต้องช่วยซื้อผลผลิตของเกษตรกร แล้วนำมาคัดผลตามขนาดไซส์ ส่วนไซส์เล็กและไชส์กลาง ไม่สามารถส่งออกและขายให้ผู้บริโภคได้ จึงต้องนำมาเททิ้งไปเกือบ 100 ตัน
ด้านนายดลพิษิฐ บัวผัน เกษตรกรผู้ปลูกมะม่วง และผู้ค้าส่งมะม่วงชาว ต.วังทับไทร อ.สากเหล็ก เปิดเผยว่า ในพื้นที่ต.วังทับไทร มีเกษตรกรปลูกมะม่วงเนื้อที่กว่า 2 หมื่นไร่ ทุกๆปีผลผลิตออกสู่ตลาดนับแสนตัน แต่ในปีนี้มีผลผลิตออกมามาก และมีปัจจัยผลกระทบต่างๆ เช่น โควิด-19 ปริมาณส่งออกได้น้อย ทำให้ราคามะม่วงตกต่ำเป็นอย่างมากในรอบ 10 ปีที่ไม่เคยมีมาก่อน

โดยเกษตรกรได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมากในเรื่องราคา สำหรับราคาจากเดิมเกรดส่งออกอยู่ที่ กิโลกรัมละ 50-60 บาท แต่ในปีนี้เหลือเพียง 20-30 บาท ส่วนเกรดตลาดภายในประเทศไม่ต้องพูดถึงเหลือเพียง กิโลกรัมละ 10 กว่าบาท ส่วนมะม่วงกินดิบ เช่น ฟ้าลั่น เขียวเสวย ตกต่ำมากเกรดส่งออกเหลือเพียง 3-4บาท ไซส์กลางเหลือกิโลกรัมละ 1-2 บาท เท่านั้นแทบจะไม่ได้ราคา อีกทั้งพ่อค้าบางรายก็ไม่มารับซื้อเหมือนแต่ก่อน เพราะไปขายไม่คุ้มทุน สวนทางกับค่าแรงงาน ค่าปุ๋ยที่สูงขึ้น ค่าเชื้อเพลิงที่แพงขึ้น ทำให้เกษตรกรเดือดร้อนไม่คุ้มต้นทุน จึงขอให้ภาครัฐบาลหรือทุกภาคส่วนราชการ ที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลช่วยเหลือเกษตรกร เช่น จัดโครงการมาช่วยซื้อ หรือจัดกรุ๊ปทัวร์ ชม ชิม ช้อปมะม่วงถึงสวน หรือหาช่องทางการตลาดอื่นๆโดยเร็ว

อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นทางรอดเกษตรกร ชาวสวนเริ่มนำผลผลิตออกมาขายออนไลน์หรือแปรรูปเพื่อเป็นทางรอด ระบายผลผลิต